แนวทางการเพาะพันธุ์ของ 3 เซียน 3 แบบ 3 สไตล์
2024-11-28 17:52:21 ใน นักเลี้ยงนก & สายพันธุ์ » 0 336 แนวทางการเพาะพันธุ์ของนักเลี้ยงนกที่ดังระดับโลก 3 เซียน 3 แบบ 3 สไตล์
สวัสดีครับ … เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผมได้รับข้อความจากพี่ทาย ตามภาพด้านล่าง ให้ช่วยแชร์ไอเดีย
ตีความหมายให้หน่อย ในความคิดของผม
ก็เป็นบทความที่นักเลี้ยงนก นักเขียนชาวต่างชาติ
ได้ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับนักเลี้ยงนกดังระดับโลก 3 ท่าน คือ
LEO HEREMANS, DIRK VAN DYCK และ ยอดเซียนดังอย่าง GERARD KOOPMAN
ว่าเขาทั้งสามนั้นเป็นนักเลี้ยงนก สไตล์แบบไหนในเรื่องของการพัฒนานก และ
สร้างสายพันธุ์ ของพวกเขา ก็เป็นแบบ 3คน 3 แบบ 3 สไตล์
พอพี่เพทายส่งมา ผมอ่านแล้วชอบมากครับ ก็ได้ตอบพี่เพทายว่า
“ยินดีครับพี่ เดี๋ยวผมขออ่าน วิเคราะห์ข้อมูล สรุปแล้วเขียนให้อ่านกันในมุมมองผมนะครับพี่
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าเขียนถึงมากๆครับ
แนวทางการเลี้ยงนก การพัฒนา การสร้างสายพันธุ์นกของแต่ละคน อาจจะแตกต่างกัน
ทั้ง 3 ท่าน ที่เอ่ยชื่อมานั้น ดังระดับโลก มีแนวทางการสร้างทีมนกพันธุ์ มีหลักยึดของตนเอง
ที่สำคัญคือพวกเขาเป็นนักแข่งที่โด่งดังระดับโลก
และนกที่เขาเพาะพันธุ์นั้นที่มีชื่อเสียงมากๆ และ เป็นอะไรที่เราควรตั้งข้อสังเกตุกันนะครับว่า ทำไม? อย่างไร?
1) Leo Heremans (Conservatives แนวอนุรักษ์นิยม):
LEO ปรับปรุงสายพันธุ์ แบบมุ่งเน้นแนวการอนุรักษ์และใช้นกเดิมๆที่ตัวเองมีอยู่
และ ต่อยอดจากทีมนกพันธุ์ที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นหลัก ให้โอกาสการอินบรีด ไลน์บรีด
และ ครอสบรีดกัน แต่ นกจะอยู่ในเหล่าของกรงเขาเป็นหลัก
เราจะไม่ค่อยได้เห็น ได้ยินว่า เขาตระเวณหาซื้อนกตลอดเวลา
เหมือน Koopman หรือ Dirk van Dyck
Leo Heremans เค้าจะมุ่งมั่นกับการพัฒนานกในเหล่าของตัวเอง
ซึ่งถ้าเราได้ศึกษาประวัตินกของกรงเขาดีดี ศึกษาเจาะลึกจากเพดดีกรีของเขา
เราจะเห็นต้นเหล่านกของเขานั้นมีเสาหลักอยู่ไม่กี่สาย
ก็คล้ายๆกับพี่น้องตระกูลแจนเซ่นครับ นกสายหลักๆเช่น
Olympiade 03, Jan, Euro, Safier, Rossi, etc
แนวทางนี้ก็แนวทางที่ดีนะครับ เพราะว่าเค้ารู้จักนกของเขาเป็นอย่างดี
รู้จักวิธีเลี้ยง รู้จักนิสัย รู้ระยะหวังผล และ วิธีการแข่ง และ
สำคัญอีกอย่างคือประหยัดเงินด้วยครับ
ผลงานของกรงนี้ดีมากๆนะครับ กรงดังจากทั่วโลกต่างหานกสายพันธุ์นี้มาอยู่ในกรงและต่อยอดกลายเป็นนกเก่งเก่งมากมาย เช่น EIJERKAMP, STEFAN LAMBRECHT, DIRK VAN DEN BULCK, MARCEL SANGERS ETC.
ตอนที่ LEO HEREMANS ประกาศเลิกเลี้ยง และ นกทั้งหมดออกประมูลผ่านทาง PIPA ในตอนนั้น นกได้ราคาสูงระดับช็อกโลก นกเหล่านั้นทำเงินจำนวนมากมายให้ LEO HEREMANS และ PIPA มากถึง 4.35 ล้าน ยูโร ก็ประมาณ 155 ล้านบาท (ณ วันที่ 22/5/2013)
นั่นคือข้อพิสูจน์ชัดว่า นกของ LEO นั้นดังสุดๆ
2) Dirk Van Dyck ( Progressive แนวก้าวหน้า) :
แนวนี้จะต่างจาก Leo Heremans คือ กล้าที่จะนำสายพันธุ์ใหม่ๆเข้ามาเสริมทีมนกพันธุ์
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับกรงตัวเอง
คือถ้าใครได้ศึกษาประวัติของ Dirk & Louis (พ่อ) van Dyck แล้วจะเห็นว่านกกรงนี้
มีการเติมสายพันธุ์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตโดยนำนกจากคนเก่งๆดังๆเข้ามา
ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อไปในอดีตคงจะไม่รู้จักกัน ก็มาจากบทความที่ผมเคยอ่านกันนั่นแหละครับ
แต่ว่าก็เป็นคนที่เก่งมากๆซึ่ง Dirk ก็นำนกเข้ามาเสริม
โชคดีผลจากการเสริมทีม ก็มาเจอนกตัวเก่งมากๆที่ชื่อ RAMBO
ที่ต่อมาเป็นนกต้นตระกูลหลักของกรง ให้ลูกเก่งๆหลายๆตัว
ตัวหลัก ตัวเก่งคือ BOURGES ที่ สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากมาย
และอีกปีต่อมา เหมือนฟ้าลิขิต ก็มีนกสีกระตัวผู้ตัวหนึ่ง ที่ตอนเป็นลูกนก
แข่งแบบ Young bird หายไปเป็นอาทิตย์เลย ได้กลับมา ซึ่งถ้าเป็นนกlineอื่น
น่าจะโดนคัดทิ้งไปละ แต่ เป็นเพราะเจ้าหมอนี่เป็นน้องชายของยอดนก
ที่ชื่อ BOURGES ที่เป็นนกเก่งมากๆของกรง Dirkจึงอนุโลมให้อยู่แข่งต่อได้
และ ในปีYearling นกตัวนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ มันเป็นนกแข่งที่เก่งมากๆ
ชนะที่ 1 หลายครั้ง นกตัวนี้ มันมีเสน่ห์มากๆคือเวลาที่กลับจากการแข่งขันเนี่ย
มันทิ้งตัวลงหน้าแป้น แบบไม่วน แถมลงหน้าแทรปแบบดับเครื่องชนก็ว่าได้
มันลงแป้นดังมาก จนบ่อยครั้งพวกเขากลัวว่า วันนึงมันอาจจะตายได้จากการทิ้งลงกรงแบบนั้น
มันคือ สุดยอดนกของโลกครับ KANNIBAAL
Dirk van Dyck เป็นคนที่มีนิสัยที่ดีมากๆ เป็นกันเอง อารมณ์ดี ผมเคยเจอเขา และ รับรู้ถึงความอบอุ่นเป็นกันเองจากเขาได้สบายๆ
Kannibaal เก่งมากๆ ชนะที่ 1 นกยอดเยี่ยม ระยะกลางของประเทศเบลเยี่ยม KBDB สร้างชื่อเสียงให้กับ Dirk อย่างมาก KANNIBAAL เป็นพ่อของ GOLDEN LADY แม่ของยอดนกดังของ KOOPMAN คือ KLEINE DIRK (ปู่ของ HARRY)
ความสำเร็จแบบนี้ทำให้ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาหาDirk
นกของเขาสร้างชื่อเสียงให้กับคนมากมายเช่นกัน
*** ตอนนี้เรามาดูกันว่า ทำไมเราจึงยกให้เดิร์กเป็นแนวก้าวหน้า***
เป็นเพราะเขาไม่หยุดอยู่กับที่ระหว่างที่เขาดังมีชื่อเสียงนั้นเขาก็ยังคงหานกมาเสริมที่กรงของเขา
และวิถีที่ชาญฉลาดก็คือการทำ CO-BREEDING นั่นเอง
คนดังมากมายต่างก็สนใจ และ ให้การตอบรับในวิธีการ CO-BREEDING นี้
และไม่ว่าจะเอานกมาให้เขาผสม หรือ เอานกของเขาไปผสมก็แบ่งลูกนกกันไป
วิธีนี้ก็ทำให้เขาเสริมแกร่งทีมนกพันธ์ของเขาให้แกร่งมากยิ่งขึ้น นี่คือแนวฉลาด
แนวก้าวหน้าอย่างที่ผมว่าครับ
แนวก้าวหน้าของ Dirkไม่หยุดอยู่เท่านี้ครับ เขาได้พบกับสุดยอดนกอีกหนึ่งตัวของ
Leo Heremans ในยุคที่เป็น Heremans - Ceusters
และได้ซื้อนกเก่งตัวนี้ที่ชื่อ DI CAPRIO และ นกตัวนี้แหละครับเป็นกุญแจดอกสำคัญ
ที่ทำให้เขาเกิด Champ ในรุ่นต่อๆมาหลายๆตัวเลยครับ
คนที่เขา ทำ CO-BREEDING กับ DIRK ล้วนเป็นคนเก่ง คนดังมากมาย เช่น
Geerinckx, Eddy Janssens, Gommaar Verbruggen, Gaston Van de Wouwer,
Op de Beeck-Baetens, Van Elsacker-Jepsen , André Roodhooft,
Jos Vercammen, Stickers-Donckers, Willy Daniels, Marcel Wouters
and Jan Hooymans (Harry)
ลูกของDi Caprio ตัวที่ดังมากๆ คือ Olympic Niels
และ แชมป์ระดับประเทศเบลเยี่ยม KBDB ก็กลับมาเป็นของเขาอีกครั้งด้วยเจ้า QUEEN
บทสรุปที่ผมอยากจะพูดถึงตามแนวทางของเดิร์กคือไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
หาเสริมเติมตัวเก่ง ตัวดี เข้ามาเสริมทีมนกพันธุ์ของเขา เปิดหูเปิดตา กล้าลอง
ให้โอกาสกับตัวเอง และ นก โอกาสดีๆ มันก็เปิดประตูรอครับ
Dirk van Dyck ได้เสียชีวิตไปแล้วนะครับเมื่อปี 2022
หลักๆแล้วเราต้องมี “เสาหลัก” ของกรงเราก่อน
สำคัญมากๆครับ เพราะ ถ้ามัวแต่ซื้อเรื่อยเปื่อย ไร้ทิศทาง มีแต่นกแฟชั่น
ตามกระแสติดปากคน เกิดยากมากๆครับ
มีเงินมากแค่ไหนก็ละลายไปแบบเรื่อยเปื่อย นกมันวัดกันที่ผลงาน
มันไม่ได้วัดกันที่นกราคาใครแพงกว่า สายเลือดสูงกว่า หรือ มีนกมากกว่า
สำคัญที่สุดคือ เราต้องมีเสาหลัก ทั้งนก แนวคิด และ มีกรอบความคิดที่ดีครับ
.......................................................................................................................
3) GERARD KOOPMAN (BALANCED)
ก็เป็นแนว ผสมผสาน แบบอนุรักษ์นิยม CONSERVATIVE กับ แนวก้าวหน้า PROGRESSIVE)
ผมได้เคยเขียนเรื่องของ KOOPMAN TRILOGY นี้ไว้นานละ ลองอ่านดู
จะเข้าใจเห็นภาพว่า Gerard Koopman นั้น เขามีระบบทั้ง “ อนุรักษ์นิยม ” และ “ก้าวหน้า ”
ในตัวเขาเองครับ และ ผมจะมาสรุปให้อีกทีนะครับว่าการเป็นทั้งสองระบบในตัวเองเนี่ยมันเป็นยังไง
ลองคลิกที่ภาพด้านล่างเพื่ออ่านดูนะครับ
จากเรื่องที่ผมเขียนไว้จะเห็นว่า Gerard จากจุดเริ่มต้นมีความเป็นอนุรักษ์นิยม
เล่นนกของพ่อเขา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนกจาก Janssen แจนเซ่น และ นกจาก Louis Vanloon
เค้าก็จะยืนใช้นกชุดนี้อยู่นานหลายปีเหมือนกัน ซึ่งได้ผลดีมากนะ
แต่จากการที่กล้าที่จะออกจากกรอบที่ตัวเองเคยวางไว้ เขาก็ได้หานกดีๆของคนอื่นเข้ามา ก็ประสบความสำเร็จมากกว่าเดิมเยอะเลย และ ที่โชคดีที่สุดของการเจอนกก็คือ นกของ Dirk Van Dyck
เป็นลูกของ Kannibaal คือ Golden Lady
ก็กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญไขให้เขาไปสู่ความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมหาศาล
และลูกหลานของนกเหล่านี้กระจายความเก่งกาจไปทั่วโลก เช่น Kleine Dirk ไปจนถึง Harry ของ Jan Hooymans
ผมเองได้ติดต่อสายตรงกับ Gerard Koopman และ สั่งนกจากเขาชุดแรกปี 2002 มา 4 ตัว และ
หลังจากนั้่นก็มีสั่งทั้งตรง และ จากกรงอื่นๆที่แข่งนก Koopman เก่ง ก็มีเช่น
Dieter Siebert, Gunter Prange, Stellermann etc.
คลิกที่ภาพด้านล่างเพื่อดู Youtube กรงนก นกเก่งๆของ Koopman ครับ
Gerard เคยมาเป็นแขกส่วนตัวของผมสองสามครั้ง ผมก็ได้พาเที่ยว พากิน และ
ก็มีหลายครั้งที่เขาขอเวลาส่วนตัวเพื่อประมูลนก เขาก็ให้ผมดูนะว่าประมูลตัวไหน
ซึ่งนกที่เขาประมูล ก็เป็นนกที่ดี เก่ง มีผลงานที่ดีมากๆ
สำหรับเขาการประมูลนกด้วยราคาแพงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะว่าชื่อเสียง Goodwill ของเขา
ขายนกได้ราคาสูงมากๆคนนึงนะ แล้วก็ขายดีมากๆไปทั่วโลก
แล้วการที่เขาซื้อนกดีๆมา มีผลงานในตัวมันเอง และ ในเพดดีกรีสวยๆเก่งๆ มา
ก็ยิ่งทำให้เขาขายได้ดียิ่งขึ้นนะ ขณะเดียวกันเขาก็มีโอกาสเอาลูกหลานนกเหล่านี้มาแข่ง
เผื่อจะสร้างผลงานดีๆให้กับเขาได้เช่นกัน
............................................................................................................................................
ก่อนที่จะจบเรื่องนี้ ทั้งหมดทั้งปวงที่เราเห็นมาทั้งสามท่านนั้น เราจะเห็นว่า
ไม่ว่าจะ “อนุรักษ์นิยม”หรือมุ่งเน้นที่ “ก้าวหน้า” หรือ บาลานซ์กันระหว่าง “อนุรักษ์นิยม และ ก้าวหน้า”
ต่างก็มีผลดีทั้งนั้นครับ
เพียงแต่เราต้องหานกที่ดีมากๆ เราต้องมีหลักการที่ดี มีแนวยึดมั่นในการสร้างสายพันธุ์ที่ดี
ทั้งหมด ทั้งปวงแล้ว จะเห็นเขายึดถือที่ "ผลงาน" นะครับ
ก็ขอจบเรื่องที่พี่เพทาย ได้ถามถึงแนวทางของนักเลี้ยงนกคนดังทั้งสามท่าน ครับ
*********************************************************************************************************
สวัสดีครับ … เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผมได้รับข้อความจากพี่ทาย ตามภาพด้านล่าง ให้ช่วยแชร์ไอเดีย
ตีความหมายให้หน่อย ในความคิดของผม
ก็เป็นบทความที่นักเลี้ยงนก นักเขียนชาวต่างชาติ
ได้ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับนักเลี้ยงนกดังระดับโลก 3 ท่าน คือ
LEO HEREMANS, DIRK VAN DYCK และ ยอดเซียนดังอย่าง GERARD KOOPMAN
ว่าเขาทั้งสามนั้นเป็นนักเลี้ยงนก สไตล์แบบไหนในเรื่องของการพัฒนานก และ
สร้างสายพันธุ์ ของพวกเขา ก็เป็นแบบ 3คน 3 แบบ 3 สไตล์
พอพี่เพทายส่งมา ผมอ่านแล้วชอบมากครับ ก็ได้ตอบพี่เพทายว่า
“ยินดีครับพี่ เดี๋ยวผมขออ่าน วิเคราะห์ข้อมูล สรุปแล้วเขียนให้อ่านกันในมุมมองผมนะครับพี่
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าเขียนถึงมากๆครับ
แนวทางการเลี้ยงนก การพัฒนา การสร้างสายพันธุ์นกของแต่ละคน อาจจะแตกต่างกัน
ทั้ง 3 ท่าน ที่เอ่ยชื่อมานั้น ดังระดับโลก มีแนวทางการสร้างทีมนกพันธุ์ มีหลักยึดของตนเอง
ที่สำคัญคือพวกเขาเป็นนักแข่งที่โด่งดังระดับโลก
และนกที่เขาเพาะพันธุ์นั้นที่มีชื่อเสียงมากๆ และ เป็นอะไรที่เราควรตั้งข้อสังเกตุกันนะครับว่า ทำไม? อย่างไร?
1) Leo Heremans (Conservatives แนวอนุรักษ์นิยม):
LEO ปรับปรุงสายพันธุ์ แบบมุ่งเน้นแนวการอนุรักษ์และใช้นกเดิมๆที่ตัวเองมีอยู่
และ ต่อยอดจากทีมนกพันธุ์ที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นหลัก ให้โอกาสการอินบรีด ไลน์บรีด
และ ครอสบรีดกัน แต่ นกจะอยู่ในเหล่าของกรงเขาเป็นหลัก
เราจะไม่ค่อยได้เห็น ได้ยินว่า เขาตระเวณหาซื้อนกตลอดเวลา
เหมือน Koopman หรือ Dirk van Dyck
Leo Heremans เค้าจะมุ่งมั่นกับการพัฒนานกในเหล่าของตัวเอง
ซึ่งถ้าเราได้ศึกษาประวัตินกของกรงเขาดีดี ศึกษาเจาะลึกจากเพดดีกรีของเขา
เราจะเห็นต้นเหล่านกของเขานั้นมีเสาหลักอยู่ไม่กี่สาย
ก็คล้ายๆกับพี่น้องตระกูลแจนเซ่นครับ นกสายหลักๆเช่น
Olympiade 03, Jan, Euro, Safier, Rossi, etc
แนวทางนี้ก็แนวทางที่ดีนะครับ เพราะว่าเค้ารู้จักนกของเขาเป็นอย่างดี
รู้จักวิธีเลี้ยง รู้จักนิสัย รู้ระยะหวังผล และ วิธีการแข่ง และ
สำคัญอีกอย่างคือประหยัดเงินด้วยครับ
ผลงานของกรงนี้ดีมากๆนะครับ กรงดังจากทั่วโลกต่างหานกสายพันธุ์นี้มาอยู่ในกรงและต่อยอดกลายเป็นนกเก่งเก่งมากมาย เช่น EIJERKAMP, STEFAN LAMBRECHT, DIRK VAN DEN BULCK, MARCEL SANGERS ETC.
ตอนที่ LEO HEREMANS ประกาศเลิกเลี้ยง และ นกทั้งหมดออกประมูลผ่านทาง PIPA ในตอนนั้น นกได้ราคาสูงระดับช็อกโลก นกเหล่านั้นทำเงินจำนวนมากมายให้ LEO HEREMANS และ PIPA มากถึง 4.35 ล้าน ยูโร ก็ประมาณ 155 ล้านบาท (ณ วันที่ 22/5/2013)
นั่นคือข้อพิสูจน์ชัดว่า นกของ LEO นั้นดังสุดๆ
2) Dirk Van Dyck ( Progressive แนวก้าวหน้า) :
แนวนี้จะต่างจาก Leo Heremans คือ กล้าที่จะนำสายพันธุ์ใหม่ๆเข้ามาเสริมทีมนกพันธุ์
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับกรงตัวเอง
คือถ้าใครได้ศึกษาประวัติของ Dirk & Louis (พ่อ) van Dyck แล้วจะเห็นว่านกกรงนี้
มีการเติมสายพันธุ์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตโดยนำนกจากคนเก่งๆดังๆเข้ามา
ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อไปในอดีตคงจะไม่รู้จักกัน ก็มาจากบทความที่ผมเคยอ่านกันนั่นแหละครับ
แต่ว่าก็เป็นคนที่เก่งมากๆซึ่ง Dirk ก็นำนกเข้ามาเสริม
โชคดีผลจากการเสริมทีม ก็มาเจอนกตัวเก่งมากๆที่ชื่อ RAMBO
ที่ต่อมาเป็นนกต้นตระกูลหลักของกรง ให้ลูกเก่งๆหลายๆตัว
ตัวหลัก ตัวเก่งคือ BOURGES ที่ สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากมาย
และอีกปีต่อมา เหมือนฟ้าลิขิต ก็มีนกสีกระตัวผู้ตัวหนึ่ง ที่ตอนเป็นลูกนก
แข่งแบบ Young bird หายไปเป็นอาทิตย์เลย ได้กลับมา ซึ่งถ้าเป็นนกlineอื่น
น่าจะโดนคัดทิ้งไปละ แต่ เป็นเพราะเจ้าหมอนี่เป็นน้องชายของยอดนก
ที่ชื่อ BOURGES ที่เป็นนกเก่งมากๆของกรง Dirkจึงอนุโลมให้อยู่แข่งต่อได้
และ ในปีYearling นกตัวนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ มันเป็นนกแข่งที่เก่งมากๆ
ชนะที่ 1 หลายครั้ง นกตัวนี้ มันมีเสน่ห์มากๆคือเวลาที่กลับจากการแข่งขันเนี่ย
มันทิ้งตัวลงหน้าแป้น แบบไม่วน แถมลงหน้าแทรปแบบดับเครื่องชนก็ว่าได้
มันลงแป้นดังมาก จนบ่อยครั้งพวกเขากลัวว่า วันนึงมันอาจจะตายได้จากการทิ้งลงกรงแบบนั้น
มันคือ สุดยอดนกของโลกครับ KANNIBAAL
Dirk van Dyck เป็นคนที่มีนิสัยที่ดีมากๆ เป็นกันเอง อารมณ์ดี ผมเคยเจอเขา และ รับรู้ถึงความอบอุ่นเป็นกันเองจากเขาได้สบายๆ
Kannibaal เก่งมากๆ ชนะที่ 1 นกยอดเยี่ยม ระยะกลางของประเทศเบลเยี่ยม KBDB สร้างชื่อเสียงให้กับ Dirk อย่างมาก KANNIBAAL เป็นพ่อของ GOLDEN LADY แม่ของยอดนกดังของ KOOPMAN คือ KLEINE DIRK (ปู่ของ HARRY)
ความสำเร็จแบบนี้ทำให้ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาหาDirk
นกของเขาสร้างชื่อเสียงให้กับคนมากมายเช่นกัน
*** ตอนนี้เรามาดูกันว่า ทำไมเราจึงยกให้เดิร์กเป็นแนวก้าวหน้า***
เป็นเพราะเขาไม่หยุดอยู่กับที่ระหว่างที่เขาดังมีชื่อเสียงนั้นเขาก็ยังคงหานกมาเสริมที่กรงของเขา
และวิถีที่ชาญฉลาดก็คือการทำ CO-BREEDING นั่นเอง
คนดังมากมายต่างก็สนใจ และ ให้การตอบรับในวิธีการ CO-BREEDING นี้
และไม่ว่าจะเอานกมาให้เขาผสม หรือ เอานกของเขาไปผสมก็แบ่งลูกนกกันไป
วิธีนี้ก็ทำให้เขาเสริมแกร่งทีมนกพันธ์ของเขาให้แกร่งมากยิ่งขึ้น นี่คือแนวฉลาด
แนวก้าวหน้าอย่างที่ผมว่าครับ
แนวก้าวหน้าของ Dirkไม่หยุดอยู่เท่านี้ครับ เขาได้พบกับสุดยอดนกอีกหนึ่งตัวของ
Leo Heremans ในยุคที่เป็น Heremans - Ceusters
และได้ซื้อนกเก่งตัวนี้ที่ชื่อ DI CAPRIO และ นกตัวนี้แหละครับเป็นกุญแจดอกสำคัญ
ที่ทำให้เขาเกิด Champ ในรุ่นต่อๆมาหลายๆตัวเลยครับ
คนที่เขา ทำ CO-BREEDING กับ DIRK ล้วนเป็นคนเก่ง คนดังมากมาย เช่น
Geerinckx, Eddy Janssens, Gommaar Verbruggen, Gaston Van de Wouwer,
Op de Beeck-Baetens, Van Elsacker-Jepsen , André Roodhooft,
Jos Vercammen, Stickers-Donckers, Willy Daniels, Marcel Wouters
and Jan Hooymans (Harry)
ลูกของDi Caprio ตัวที่ดังมากๆ คือ Olympic Niels
และ แชมป์ระดับประเทศเบลเยี่ยม KBDB ก็กลับมาเป็นของเขาอีกครั้งด้วยเจ้า QUEEN
บทสรุปที่ผมอยากจะพูดถึงตามแนวทางของเดิร์กคือไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
หาเสริมเติมตัวเก่ง ตัวดี เข้ามาเสริมทีมนกพันธุ์ของเขา เปิดหูเปิดตา กล้าลอง
ให้โอกาสกับตัวเอง และ นก โอกาสดีๆ มันก็เปิดประตูรอครับ
Dirk van Dyck ได้เสียชีวิตไปแล้วนะครับเมื่อปี 2022
หลักๆแล้วเราต้องมี “เสาหลัก” ของกรงเราก่อน
สำคัญมากๆครับ เพราะ ถ้ามัวแต่ซื้อเรื่อยเปื่อย ไร้ทิศทาง มีแต่นกแฟชั่น
ตามกระแสติดปากคน เกิดยากมากๆครับ
มีเงินมากแค่ไหนก็ละลายไปแบบเรื่อยเปื่อย นกมันวัดกันที่ผลงาน
มันไม่ได้วัดกันที่นกราคาใครแพงกว่า สายเลือดสูงกว่า หรือ มีนกมากกว่า
สำคัญที่สุดคือ เราต้องมีเสาหลัก ทั้งนก แนวคิด และ มีกรอบความคิดที่ดีครับ
.......................................................................................................................
3) GERARD KOOPMAN (BALANCED)
ก็เป็นแนว ผสมผสาน แบบอนุรักษ์นิยม CONSERVATIVE กับ แนวก้าวหน้า PROGRESSIVE)
ผมได้เคยเขียนเรื่องของ KOOPMAN TRILOGY นี้ไว้นานละ ลองอ่านดู
จะเข้าใจเห็นภาพว่า Gerard Koopman นั้น เขามีระบบทั้ง “ อนุรักษ์นิยม ” และ “ก้าวหน้า ”
ในตัวเขาเองครับ และ ผมจะมาสรุปให้อีกทีนะครับว่าการเป็นทั้งสองระบบในตัวเองเนี่ยมันเป็นยังไง
ลองคลิกที่ภาพด้านล่างเพื่ออ่านดูนะครับ
จากเรื่องที่ผมเขียนไว้จะเห็นว่า Gerard จากจุดเริ่มต้นมีความเป็นอนุรักษ์นิยม
เล่นนกของพ่อเขา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนกจาก Janssen แจนเซ่น และ นกจาก Louis Vanloon
เค้าก็จะยืนใช้นกชุดนี้อยู่นานหลายปีเหมือนกัน ซึ่งได้ผลดีมากนะ
แต่จากการที่กล้าที่จะออกจากกรอบที่ตัวเองเคยวางไว้ เขาก็ได้หานกดีๆของคนอื่นเข้ามา ก็ประสบความสำเร็จมากกว่าเดิมเยอะเลย และ ที่โชคดีที่สุดของการเจอนกก็คือ นกของ Dirk Van Dyck
เป็นลูกของ Kannibaal คือ Golden Lady
ก็กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญไขให้เขาไปสู่ความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมหาศาล
และลูกหลานของนกเหล่านี้กระจายความเก่งกาจไปทั่วโลก เช่น Kleine Dirk ไปจนถึง Harry ของ Jan Hooymans
ผมเองได้ติดต่อสายตรงกับ Gerard Koopman และ สั่งนกจากเขาชุดแรกปี 2002 มา 4 ตัว และ
หลังจากนั้่นก็มีสั่งทั้งตรง และ จากกรงอื่นๆที่แข่งนก Koopman เก่ง ก็มีเช่น
Dieter Siebert, Gunter Prange, Stellermann etc.
คลิกที่ภาพด้านล่างเพื่อดู Youtube กรงนก นกเก่งๆของ Koopman ครับ
Gerard เคยมาเป็นแขกส่วนตัวของผมสองสามครั้ง ผมก็ได้พาเที่ยว พากิน และ
ก็มีหลายครั้งที่เขาขอเวลาส่วนตัวเพื่อประมูลนก เขาก็ให้ผมดูนะว่าประมูลตัวไหน
ซึ่งนกที่เขาประมูล ก็เป็นนกที่ดี เก่ง มีผลงานที่ดีมากๆ
สำหรับเขาการประมูลนกด้วยราคาแพงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะว่าชื่อเสียง Goodwill ของเขา
ขายนกได้ราคาสูงมากๆคนนึงนะ แล้วก็ขายดีมากๆไปทั่วโลก
แล้วการที่เขาซื้อนกดีๆมา มีผลงานในตัวมันเอง และ ในเพดดีกรีสวยๆเก่งๆ มา
ก็ยิ่งทำให้เขาขายได้ดียิ่งขึ้นนะ ขณะเดียวกันเขาก็มีโอกาสเอาลูกหลานนกเหล่านี้มาแข่ง
เผื่อจะสร้างผลงานดีๆให้กับเขาได้เช่นกัน
............................................................................................................................................
ก่อนที่จะจบเรื่องนี้ ทั้งหมดทั้งปวงที่เราเห็นมาทั้งสามท่านนั้น เราจะเห็นว่า
ไม่ว่าจะ “อนุรักษ์นิยม”หรือมุ่งเน้นที่ “ก้าวหน้า” หรือ บาลานซ์กันระหว่าง “อนุรักษ์นิยม และ ก้าวหน้า”
ต่างก็มีผลดีทั้งนั้นครับ
เพียงแต่เราต้องหานกที่ดีมากๆ เราต้องมีหลักการที่ดี มีแนวยึดมั่นในการสร้างสายพันธุ์ที่ดี
ทั้งหมด ทั้งปวงแล้ว จะเห็นเขายึดถือที่ "ผลงาน" นะครับ
ก็ขอจบเรื่องที่พี่เพทาย ได้ถามถึงแนวทางของนักเลี้ยงนกคนดังทั้งสามท่าน ครับ
*********************************************************************************************************